ยางรถยนต์นอกจากจะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนพาเราไปยังจุดหมายปลายทางแล้ว ยังเป็นตัวช่วยกัน กระแทกระหว่างพื้นถนนและตัวโครงของรถยนต์อีกด้วย ซึ่งปริมาณแรงดันของลมยางรถยนต์ที่ เหมาะสมจะช่วยเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของยางอีกด้วย
ความดันลมยางที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์แต่ละประเภทนั้นสามารถตรวจสอบได้จากคู่มือประจำ รถแต่โดยสภาพการใช้งานที่เป็นจริงอาจจะคลาดเคลื่อนไปได้บ้างขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งาน ดังนี้
รถปิคอัพ ตามมาตรฐานให้สูบลมได้สูงสุด 65 ปอนด์/ตารางนิ้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วในปัจจุบัน ผู้ใช้มักมีการบรรทุกน้ำหนักมากเกินปกติ (OVERLOADED) จึงทำให้ต้องมีการเติมลมยางมากขึ้นกว่าปกติ ซึ่งเป็นสาเหตุอาจทำให้ยางมีอายุสั้นลง แต่โดยทั่วไปในการใช้งานในชีวิตประจำวัน แนะนำ
ให้สูบลมยางดังนี้
#บรรทุกเบาหรือใช้งานทั่วไป (Hilux Revo) จะอยู่ระหว่าง 35-40 ปอนด์/ตารางนิ้ว
#บรรทุกหนักไม่เกิน 1 ตัน สูบลมประมาณ 65 ปอนด์/ตารางนิ้ว
รถเก๋งตามมาตรฐานให้สูบลมได้สูงสุด 36 ปอนด์/ตารางนิ้ว แต่หากเป็นสภาพการใช้งานธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวัน ก็ไม่จำเป็นต้องสูบลมยางถึงระดับสูงสุด ควรเลือกเติมตามความเหมาะสมกับ ขนาดน้ำหนักของรถ ซึ่ง
#รถเก๋งขนาดเล็ก (Vios , Yaris) จะอยู่ระหว่าง 25-30 ปอนด์/ตารางนิ้ว #รถเก๋งขนาดกลางถึงใหญ่ (Altis , Camry , Avaza , Innova , Sienta , Alphard , Fortuner) จะอยู่ระหว่าง 30-35 ปอนด์/ตารางนิ้ว
ทำไมถึงต้องเติมลมยางให้อยู่ในระดับเหมาะสม?
เติมลมยางมากเกินไป ข้อดี ประหยัดน้ำมัน (แต่น้อยมาก) ข้อเสีย ดอกยางบริเวณกลางสึกกว่าด้านข้าง ส่งผลให้อายุการใช้งานเพราะยางยึดติดถนนลดลง ควบคุมการทรงตัวยากและมีความแข็งกระด้างและสะเทือนช่วงล่างมากกว่าปกติ เติมลมยางน้อยเกินไป ข้อดี ความรู้สึกนุ่มนวลตอนขับขี่ สามารถวิ่งผ่านน้ำหรือทรายได้ดี ข้อเสีย ยางสึกหรอเยอะ โดยเฉพาะดอกยางบริเวณไหล่ยางจะสึกเร็วกว่าบริเวณกลางของยาง เปลืองเชื้อเพลิงมากกว่าปกติเพราะใช้แรงเสียดทานมาก รถมีการทรงตัวบนถนนไม่ดี ระบบเลี้ยว ทำงานหนัก
ข้อคำนึงของการเติมลมยาง
#ถ้าพวงมาลัยหนักเกินไป แสดงว่ายางอ่อนเกินไป ให้เติมเพิ่ม 2-3 psi
#ขับแล้วรู้สึกว่ารถแข็งกระด้าง แสดงว่ายางแข็งเกินไป ให้ลดลง 2-3 psi
#เช็คลมยาง เดือนละ 1 ครั้ง ควรเช็คในขณะรถเย็น หรือระยะห่างจากบ้านไม่ควรเกิน 1.5 กิโลเมตร
#หากต้องเดินทางไกล ควรเติมลมยางให้มากกว่าปกติ 2-3 psi